วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คำถามบทที่ 4 บทที่ 5 และกระณีศึกษาสตาร์บัคส์


นายสรศักดิ์               ประพันธ์อนุรักษ์        รหัสนักศึกษา 58127328003
นางสาวอรยา            สุขคุ้ม                     รหัสนักศึกษา 58127328005
นางสาวธัญนันท์         ริชะนะ                    รหัสนักศึกษา 58127328008
นางสาวอาภาภรณ์      ศรีโชค                     รหัสนักศึกษา 58127328014
นางสาวธัญณิชา         พูลสมบัติ                 รหัสนักศึกษา 58127328017
นางสาวจุฑามาศ        ปู่น้อย                     รหัสนักศึกษา 58127328023

Case study : Lego : Embracing Change by Combining BI with a Flexible Information System
1. บทบาทของฐานข้อมูลในระบบ SAP’s three-tier
เป็นระบบที่มีสถาปัตยกรรมแบบรับ – ให้บริการ 3 ชั้น (Three-tier Client/Server) ซึ่งแบ่งการทำงานเป็นออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
          1. ชั้นการแสดงผล (Presentation Layer) เป็นชั้นของการทำงานที่ให้บริการทางด้านการแสดงผลที่หน้าจอด้วยส่วนต่อประสาทกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical User Interface: GUI) ซึ่งทำงานอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน และติดต่อกับงานส่วนบริการประยุกต์ (Application Server) ผ่านข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ (Local Network: LAN) หรือข่ายงานบริเวณกว้าง (Wide-Area Network: WAN)
 2. ชั้นการประยุกต์ (application Layer) เป็นชั้นของการทำงานที่ให้บริการด้านตรรกะประยุกต์ (Application Logic) คือ ประมวลผลคำสั่งในการทำงานและคำสั่งในการคำนวณ เช่น IF, CASE, DO, WHILE,คำสั่งบวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น และด้านตรรกะข้อมูล (Data Logic) คือ ประมวลผลคำสั่งภาษาสอบถามเชิงโครงสร้าง (Structured Query language: SQL) โดยชั้นการทำงานนี้ติดต่อกับชั้นฐานข้อมูลผ่านข่ายงานบริเวณเฉพาะที่
 3. ชั้นฐานข้อมูล (Database Layer) เป็นส่วนที่ให้บริการทางด้านการจัดการข้อมูลในระบบฐานข้อมูล ซึ่งทำงานร่วมกับระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management System: RDBMS)

สถาปัตยกรรมของระบบ SAP R/3
2. ความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรมแบบกระจาย
สถาปัตยกรรมระบบฐานข้อมูลแบบกระจายมีความยืดหยุ่น ในการปรับให้เข้ากับสถาปัตยกรรมที่ให้บริการแบบใหม่ๆ ที่มีอยู่ในเวอร์ชั่นล่าสุดของซอฟต์แวร์ และในระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย ข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในหลายๆ เครื่อง มีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันผ่านระบบเครือข่าย โดยแต่ละที่จะมีระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นของตนเอง และสามารถที่จะทำงานได้ด้วยตนเอง หรือร่วมกันทำงานก็ได้ โดยที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จะเรียกว่าไซต์หรือโหนด

ลักษณะทางกายภาพของระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย
3. คุณลักษณะทางธุรกิจที่รวมอยู่ใน SAP’s business software suite.
โมดูล SCM มีคุณลักษณะที่สำคัญ เช่น การตรวจสอบและวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการคาดการณ์ การวางแผน และการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง
โมดูล PLM ช่วยให้ผู้จัดการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการและระบบการพัฒนา
โมดูล ERP ประกอบด้วยโปรแกรมประยุกต์การจัดการทุนมนุษย์ (HCM) สำหรับการบริหารและพัฒนาบุคลากร
โมดูล ERP-HCM ของ SAP ประกอบด้วยคุณลักษณะขั้นสูง เช่น "การบริหารจัดการคนเก่งเช่นเดียวกับการจัดการการบริหารงานของพนักงาน การเขียนรายงาน การจัดการด้านการเดินทางและเวลา
4. ข้อดีและข้อเสียของการมีฐานข้อมูลหลายตัวในสถาปัตยกรรมระบบฐานข้อมูล

แบบกระจาย


          ข้อดี

Ä การทำงานเป็นแบบอิสระต่อกัน

Ä หากข้อมูลของบางส่วนงานเสียหายจะไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนงานอื่น ๆ

Ä มีความเชื่อถือสูง

Ä มีประสิทธิภาพสูง

Ä ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่

             Äง่ายต่อการขยายระบบในอนาคต

             Äเหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา

ข้อเสีย

Ä มีความซับซ้อนมากกว่าแบบรวมศูนย์

Ä มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบำรุงรักษาสูง

Ä สูญเสียการควบคุมความปลอดภัย

Ä การควบคุมความถูกต้องตรงกันในข้อมูลเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

Ä การออกแบบฐานข้อมูลมีความซับซ้อนสูง

Ä ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์


MONITORING EMPLOYEES ON NETWORKS : UNETHICAL OR GOOD
BUSINESS?
1. ควรให้มีการตรวจสอบการใช้อินเทอร์เน็ตและอีเมลของพนักงานหรือไม่ อย่างไร
       ควรตรวจสอบ เนื่องจากพนักงานพนักงานเสียเวลาอันมีค่าในบริษัท ในการท่องเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการส่งและรับอีเมล์ส่วนบุคคล การพูดคุยกับเพื่อนผ่านการแชทออนไลน์ และการดาวน์โหลดวิดีโอและเพลง พนักงานให้ความสำคัญกับธุรกิจส่วนตัวมากกว่าธุรกิจของบริษัททำให้บริษัทสูญเสียรายได้ และหากมีการเข้าใช้เครือข่ายของบริษัทสูงเกินไป อาจทำให้เครือข่ายของบริษัทหยุดชะงัก ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และป้องกันการส่งอีเมล์ที่เป็นความลับหรือน่าอับอายของบริษัทไปยังบุคคลภายนอกบริษัท
2. นโยบายเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์และอีเมลที่มีประสิทธิภาพสำหรับบริษัท
นโยบายควรมีการระบุที่ชัดเจนว่าตำแหน่งหรือระดับภายใต้สถานการณ์ใด ที่พนักงานสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของบริษัทในการท่องเว็บหรือใช้อีเมล นโยบายควรแจ้งให้พนักงานทราบว่ากิจกรรมเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบ นโยบายควรปรับให้เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจเฉพาะขององค์กร ตัวอย่างเช่น บริษัทลงทุนจะต้องอนุญาตให้พนักงานเข้าถึงเว็บเว็บไซต์การลงทุนอื่นๆ ได้

3. ควรแจ้งให้พนักงานทราบว่าพฤติกรรมบนเว็บของพวกเขากำลังได้รับการตรวจ
สอบหรือไม่? หรือควรตรวจสอบอย่างลับๆ? อย่างไร
         ควรแจ้งให้พนักงานทราบว่ากำลังถูกตรวจสอบพฤติกรรมบนเว็บไซต์ เพราะขณะนี้บริษัท IBM มี
"แนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์" ที่ครอบคลุมกิจกรรมบนเว็บไซต์ของพนักงาน เช่น Facebook และ
Twitter แนวทางนี้จะกระตุ้นให้พนักงานไม่ปกปิดตัวตนของพวกเขา เพื่อระลึกถึงว่าพวกเขาเป็นผู้รับผิด
ชอบต่อสิ่งที่พวกเขาเผยแพร่


กรณีศึกษา : วิธีการที่ STARBUCKS ใช้ในการปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัลและสังคม

1. ปัญหาของ Starbucks คืออะไร เหตุใด Starbucks จึงเลือกแนวทางของเครือข่ายดิจิทัลและสังคม มาแก้ปัญหาของธุรกิจที่เกิดขึ้น
ปัญหาของ Starbucks คือรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมาก มากกว่า 1 พันล้านเหรียญในปี 2550 เป็น 504 ล้านเหรียญต่อปี 2008 และ 560 ล้านเหรียญในปี 2009 ในภาวะที่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวยังมีการเพิ่มขึ้นของคู่แข่ง เช่น Green Coffee Mountain Roasters ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นแม้ในระหว่างที่ภาวะถดถอย
Starbucks จึงมีความจำเป็นต้องตระหนักถึงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของตน บริษัทจึงตัดสินใจแก้ไขปัญหาโดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลด้วยการนำ Social network ทุก site มาเชื่อมต่อกัน สร้างขึ้นภายใต้concept และ Direction เดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ข้อมูลข่าวสารที่ดี สามารถพูดคุยติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและไอเดียจากลูกค้าโดยตรง และการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าซึ่งมีคุณค่ามหาศาลไม่น้อยสำหรับ Starbucks จึงเป็นเหตุที่ Starbucks เป็นที่ครองใจลูกค้ามาอย่างช้านาน
2. อธิบายว่าการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของร้านค้า Starbucks ในรูปแบบเดิม มาริเริ่มโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร
ทำให้ในปี 2010 ผลการดำเนินงานแสดงรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยมีรายได้ 1.437 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับรายได้ 560 เหรียญล้านในปี 2009 ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้นที่สูงขึ้นของStarbucks และในปี 2011รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,750 ล้านเหรียญ ตั้งแต่รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความคิดริเริ่มด้านสื่อสังคมของบริษัทได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในปี 2012 Starbucks มีรายชื่ออยู่ในนิตยสารฟอร์จูนว่าเป็นหนึ่งในสื่อสังคมชั้นนำ และในปี 2008 ได้รับรางวัล 2008 Groundswell Award จากสถาบันวิจับ Forrester เว็บไซต์ของStarbucks เป็นที่นิยมอย่างมากใน Facebook ซึ่งมีแฟนเพจนับล้าน ๆ คน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าดาราชื่อดังในสหรัฐอเมริกา
3. วิเคราะห์โครงการสื่อสังคมออนไลน์ ของ Starbucks ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่นWebsite, Facebook, Twitter, Google+, Youtube, Flickr, และ Instagramเป็นต้น ว่ามีจุดเด่น และจุดด้อยอะไรบ้าง และนำเสนอสิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไขบนสื่อเหล่านั้น
       จุดเด่น
Ä ภาพหน้าปก Facebook Fanpage, Website หรือ Application ของ Starbucks Thailand. มีความโดดเด่น ชัดเจน และบ่งบอกถึงลักษณะของสินค้าที่ทางร้านจำหน่าย บ่งบอกถึงความเป็น Facebook Fanpage ของแบรนด์สินค้า รวมไปถึงใช้รูปภาพหน้าปกส่งเสริมการขาย หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคที่ติดตาม
Ä  แถบเมนูต่าง ๆ หน้า Facebook Fanpage, Website หรือ Application ของ Starbucks Thailand. เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเบื่อต้นเกี่ยวกับแบรนด์ ทำให้ผู้ที่สนใจทราบถึงข้อมูลที่แบรนด์ต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว เช่น ข้อมูลการติดต่อ เมนูรวม รูปภาพ เมนูรวมวิดีโอ เป็นต้น
Ä  โพสต์จากผู้เข้าชมหน้า Facebook Fanpage หรือ Website ของ Starbucks Thailand. เป็นส่วนที่ให้สมาชิกของ Facebook Fanpage หรือ เข้ามาแสดงความเห็น พูดคุยกับแบรนด์หรือกับสมาชิกด้วยกันเองแบบไม่เป็นความลับ ที่สามารถแสดงความเห็นได้ทั้งรูปแบบข้อความ วิดีโอ และอีโมติคอน ซึ่งทำให้ลูกค้าที่สนใจในตัวแบรนด์สามารถตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการของร้านได้
Ä  กระดานข้อความหรือคำประกาศแจ้งข่าวสารต่างๆหน้า Facebook Fanpage, Website หรือApplication ของ Starbucks Thailand. ทำให้ลูกค้ารับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย รวมทั้งสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่อกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ข้อความ Facebook Fanpageหรือ Website
Ä  ทางข้อความในMailเมื่อลูกค้าทำการสมัครสมาชิกและยืนยันการลงทะเบียนแล้ว จะมีข่าวสาร หรือสิทธิพิเศษแจ้งให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกทราบก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจที่จะสมัครสมาชิกกับทางแบรนด์
จุดด้อย
Ä ทางแบรนด์เป็นแบรนด์ของต่างประเทศทำให้ภาษาที่ใช้แจ้งข่าวสารโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อตัวลูกค้าบางกลุ่ม
Ä เมื่อไม่ได้มีการเข้าใช้ Application เป็นระยะเวลานานระบบจะทำการล็อคเอาท์ออกทันที เป็นปัญหากับคนที่จำรหัสหรือเมลล์ที่ใช้สมัครไม่ได้
Ä การส่งเมลล์ของแบรนด์บางครั้งจะเป็นเมลล์ขยะเนื่องจากการจัดส่งที่ผิดพลาด
Ä ในบางข่าวสารเกี่ยวกับเมนูตัวใหม่ หรือกิจกรรมใหม่ทางแบรนด์ไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียดที่ครบถ้วน ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจและไม่กล้าตัดสินใจที่จะซื้อหรือใช้บริการ
Ä ราคาของเมนูมักไม่บอกส่วนลดทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจกับราคาจริงของสินค้านั้น
ข้อเสนอแนะ
Ä ทางแบรนด์ควรเพิ่มข้อความหรือเมลล์เป็นภาษาที่หลากหลายเพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น
Ä Application ของแบรนด์ควรมีความเสถียรมากกว่าปัจจุบัน
4. อธิบายว่าเครือข่ายดิจิทัลและสังคม ทั้งโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และโครงการสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และความภักดีกับลูกค้าของ Starbucks ได้อย่างไร
       สตาร์บัคส์ ได้นำโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และโครงการสื่อสังคมออนไลน์มาใช้เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีและความภักดีกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น STARBUCKS CARD (บัตรสมาชิก), STARBUCKS REWARDS (ระบบสะสมแต้ม)ระบบ E-Wallet, แอปพลิเคชันสำหรับสั่งกาแฟก่อนถึงหน้าร้านได้ร้านค้าออนไลน์ใช้สื่อFACEBOOK, LINKEDLN, GOOGLE+,TWITTER, YOUTUBE, FLICKR, INSTAGRAM ในการอัพโหลดวีดีโอ โพสต์ ลงรูปถ่าย โปรโมชันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และข้อเสนอพิเศษ สตาร์บัคส์ได้สร้างเครือข่ายดิจิทัลและสังคมเพื่อสนับสนุนกิจกรรมแบบดิจิทัล โดยใช้เครือข่ายดิจิทัลของStarbucks ในการเป็นหุ้นส่วนกับผู้บริการสื่อรายใหญ่ เช่น iTunes, AIS เป็นต้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าใช้บริการได้สะดวกขึ้น เข้าถึงโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในสตาร์บัคส์มากยิ่งขึ้นแล้วกลับมาใช้บริการของสตาร์บัคส์
5. วิเคราะห์ปัจจัยความสำเร็จในการนำเครือข่ายดิจิทัลและสังคม มาใช้ในการดำเนินงานของ Starbucks ประกอบด้วยปัจจัยอะไรบ้าง
Ä  Starbucks ทำการสื่อสารทางการตลาดผ่านเว็บไซต์ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ต่างๆ เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้สร้างประสบการณ์ร่วมกันระหว่างตราสินค้าและผู้บริโภค และการแบ่งปันประสบการณ์ ระหว่างผู้บริโภค เพื่อน คนรู้จัก หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยรู้จัก ผ่านการบอกต่อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างตราสินค้ายุคใหม่
Ä การทำแอพพลิเคชั่น Starbucks ในปี 2011 เพื่อจ่ายค่ากาแฟ ดูแต้มสะสม หรือแม้กระทั่งให้ทิปบาริสต้า การพัฒนาแอพพลิเคชั่นเป็นการสนับสนุนภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการบริการ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้
Ä Starbucks ให้ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ทั้งด้านคุณภาพของวัตถุดิบ รสชาติเครื่องดื่มและอาหารที่มีมารตฐานเดียวกันทุกสาขา บรรยากาศของร้าน การบริการที่ดี และสามารถสั่งกาแฟแบบดัดแปลงตามใจลูกค้า

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 1 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสมัยใหม่

ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หรือ เอ็มไอเอส (อังกฤษmanagement information system - MIS) หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือขั้นตอนที่ช่วยในการจัดเก็บสารสนเทศเพื่อใช้ในการบริหารและการจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการนี้จะมีส่วนครอบคลุมถึง บุคคล เอกสาร เทคโนโลยี และขั้นตอนในการทำงาน เพื่อที่จะแก้ปัญหาทางธุรกิจไม่ว่าทาง ราคา สินค้า บริการ หรือกลยุทธต่างๆ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการจะแตกต่างจากระบบสารสนเทศทั่วไป กล่าวคือระบบนี้จะใช้ในการวิเคราะห์ระบบอื่นๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ ในทางวิชาการคำว่าระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการนี้ถูกใช้ในส่วนของรูปแบบการจัดการข้อมูล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ หรือ ระบบช่วยในการตัดสินใจ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การจัดการสารสนเทศ


 ข้อมูล และสารสนเทศ

ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงหรือสาระต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับงานที่ปฏิบัติ อาจเป็นตัวเลขหรือข้อความที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน หรือที่ได้จากหน่วยงานอื่น ๆ ข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้ทันที จะนำไปใช้ได้ก็ต่อเมื่อผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว

สารสนเทศ (Information) นั้นคือ ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉลี่ย หรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่นการวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์ หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ สารสนเทศ ประกอบด้วยข้อมูล เอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย สารสนเทศไม่ใช่จำกัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


การนำไปใช้งานสามารถแบ่งได้ 4 ระดับดังนี้

1.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในการวางแผนนโยบาย กลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง

2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในส่วนยุทธวิธีในการวางแผนการปฏิบัตและการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลาง

3.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในระดับปฎิบัติการและการควบคุมในขั้นตอนนี้ผู้บริหารระดับล่างจะเป็นผู้ใช้สารสนเทศเพื่อช่วยในการปฎิบัติงาน

4.ระบบสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผล

ระบบสารสนเทศเป็นระบบรวมทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถเก็บรวบรวมในลักษณะระบบเดียวเนื่องจากขนาดข้อมูลมีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนมาก ทำให้การบริหารข้อมูลทำได้อยาก การนำไปใช้ไม่สะดวก จึงจำเป็นต้องแบ่งระบบสารสนเทศออกเป็นระบบย่อย 4 ส่วนได้แก่

ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing System :TPS)
ระบบจัดการรายงาน (Management Reporting System :MRS)
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System :DSS)
ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information System :OIS)
ลักษณะของระบบเอ็มไอเอสที่ดี
ระบบเอ็มไอเอส จะสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลรายวัน
ระบบเอ็มไอเอส จะใช้ฐานข้อมูลที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน และสนับสนุนการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร
ระบบเอ็มไอเอส จะช่วยให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เรียกใช้ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลาที่ต้องการ ระบบเอ็มไอเอส จะมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์กร
ระบบเอ็มไอเอส ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล และจำกัดการใช้งานของบุคลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น


บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมากเทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลงสินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลาพัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามาคาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำเมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้นในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สดๆ เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา




1.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS:Management Information System) คือระบบที่ให้สารสนเทศ ที่ผู้บริหารต้องการ เพื่อให้สามารทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะรวมทั้งสารสนเทศภายในและภายนอกสารสนเทศที่เกี่ยวพันกับองค์กรทั้งในอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ระบบนี้จะต้องให้สารสนเทศในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่าง ถูกต้อง แม้ว่าผู้บริหารที่จะได้รับประโยชน์จากระบบนี้สูงสุดคือผู้บริหารระดับกลาง แต่โดยพื้นฐานของระบบนี้แล้วจะเป็นระบบที่สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ผู้บริหารทั้งสาม ระดับ คือทั้งผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับสูง โดยระบบนี้จะให้รายงานที่สรุปสารสนเทศซึ่งรวบรวมจากฐานข้อมูลทั้งหมดของบริษัท

2.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ(DSS:Decision Support System)เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นจากระบบ MIS อีกระดับหนึ่ง เนื่องจาก ถึงแม้ว่าผู้ที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจจะสามารถใช้ประสบการณ์หรือใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วในระบบเอ็มไอเอส ของบริษัท สำหรับทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพในงานปกติ แต่บ่อยครั้งที่ผู้ตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารในระดับสูงและระดับกลางจะเผชิญกับการตัดสินใจที่ประกอบด้วยปัจจัยที่ซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะประมวล เข้าด้วยกันได้อย่างถูกต้อง จึก ทำให้เกิดระบบนี้ขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่สนับสนุนความต้องการเฉพาะของผู้บริหารแต่ละคน (made by order) ในหลายๆสถานะการณ์ ระบบ นี้มีหน้าที่ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปได้อย่างสะดวก 
3.ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ(TPS:Transaction Processing Systems )เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานประจำหรืองานขั้นพื้นฐานขององค์การ เช่น การซื้อขายสินค้า การบันทึกจำนวนวัสดุคงคลังเมื่อใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมหรือปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นทันที เช่น ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คือชื่อลูกค้า ประเภทของลูกค้า จำนวนและราคาของสินค้าที่ขายไป รวมทั้งวิธีการชำระเงินของลูกค้า
4.ระบบสำนักงานอัตโนมัติ(Office Information System : OIS) เป็ํนระบบเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อัตโนมัติในสำนักงาน สำหรับงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive Information Systems :EIS
การที่นำระบบคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ในการดำเนินงานทางธุรกิจ การจัดการระบบสารสนเทศได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญต่อความสำเร็จในการ ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยสร้างความแข็งแกรงเชิงกลยุทธ์ โดยพัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์การ เทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาประยุกต์ให้การปฏิบัติงานในระดับต่าง ๆ ขององค์การมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การผลิต การขาย การตลาด การจัดการทางการเงิน และทรัพยากรบุคคล ประการสำคัญหลายองค์การได้ให้ความสนใจในการพัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับผู้ บริหาร เพื่อให้การตัดสินใจในปัญหาหรือโอกาสทางธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์การระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive Information Systems) หรือที่เรียกว่า EIS

คำถมกรณีศึกษา 3 case

รายชื่อสมาชิก                                           นายสรศักดิ์                ประพันธ์อนุรักษ์         รหัสนักศึกษา 58127328003  ...